วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อคืออะไร?


ที่มา http://www.thaibiotech.info/what-is-plant-tissue-culture.php

         การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช (Plant tissue culture) คือการเพาะเลี้ยงพืช เฉพาะบางส่วนของพืชเพื่อให้ได้พืชชนิดนั้นทั้งต้น ทำให้มีขยายพันธุ์ให้ได้จำนวนมากขึ้นทั้งที่พืชที่ถูกนำชิ้นส่วนมาขยายพันธุ์ต่อนั้นมีจำนวนน้อยต้น
         โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชเป็นการรวบรวมเทคนิคต่างๆมาใช้ในการดูแลรักษาและการเจริญเติบโตของเซลล์พืชหรือเนื้อเยื่อพืช หรือ อวัยวะชิ้นส่วนของพืชภายใต้สภาวะการปลอดเชื้อและสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชชนิดนั้นๆโดยใส่ไว้บนอาหารไว้สำหรับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช  เพื่อให้ได้พืชชนิดนั้นทั้งต้น  ทั้งนี้การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช นี้มักใช้เพิ่มจำนวนพืชที่มีลักษณะเหมือนกันทางพันธุกรรมจำนวนมาก เช่น กล้วยไม้ที่เป็นพันธุ์พิเศษหายากหรือปรับปรุงพันธุ์ขึ้นเองเพื่อใช้ในการขายในประเทศหรือส่งออกนอกประเทศ



ที่มา thaibiotech.team@gmail.com 



คุณสมบัติ

คุณสมบัติที่ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ของวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

1.     สามารถผลิตต้นพันธุ์พืชปริมาณมากในเวลาอันรวดเร็ว
2.     ต้นพืชที่ได้จะปลอดโรค โดยเฉพาะโรคที่มีสาเหตุจากเชื้อไวรัส มายโคพลาสมาโดยการตัดเนื้อเยื่อที่เจริญที่อยู่บริเวณปลายยอดของลำต้นซึ่งยังไม่มีท่อน้ำท่ออาหาร  อันเป็นช่องทางเคลื่อนย้ายของเชื้อโรคดังกล่าว
3.     ต้นพืชที่ผลิตได้จะมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนต้นแม่ คือมีลักษณะตรงตามพันธุ์ ด้วยการใช้เทคนิคของการเลี้ยงจากชิ้นตาพืชพัฒนาเป็นต้นโดยตรง หลีกเลี่ยงขั้นตอนการเกิดกลุ่มก้อนเซลล์ที่เรียกว่า แคลลัส
4.     ต้นพืชที่ได้จะมีขนาดสม่ำเสมอ ผลผลิตที่ได้มีมาตรฐานและเก็บเกี่ยวได้คราวละมากๆพร้อมกันหรือในเวลาเดียวกัน
5.     เพื่อการเก็บรักษาหรือแลกเปลี่ยนพันธุ์พืชระหว่างประเทศ เช่น การมอบเชื้อพันธุ์กล้วยไม้ในสภาพปลอดเชื้อขององค์กรกล้วยไม้นานาชาติ(INIBAP) ในกรมส่งเสริมการเกษตร เมื่อปี พ.ศ.2542
6.     เพื่อประโยชน์ด้านการสกัดสารจากต้นพืช นำมาใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ยารักษาโรคเป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีคุณประโยชน์อีกหลากหลายประการ เช่น เพื่อการผลิตพืชทนทานต่อสภาพแวดล้อม ทนกรด ทนเค็ม เป็นต้น หรือการใช้ประโยชน์เกี่ยวกับการศึกษาทางด้านชีวเคมี และสรีรวิทยาของพืช เป็นต้น 

ที่มา http://cyberlab.lh1.ku.ac.th/elearn/faculty/agriculture/agri06/lecture_9.htm 

ที่มา kanchanapisek.or.th

เครื่องมือและอุปกรณ์


           เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ มีหลากหลายชนิด หลากหลายประโยชน์ในการใช้สอย  จะแบ่งได้เป็นเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมอาหารสังเคราะห์ เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการย้ายเนื้อเยื่อเพาะเลี้ยง และเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยงควบคุมปัจจัยการเจริญเติบโตของพืช 
    หม้อนึ่งความดันไอน้ำ หรือ Autoclave มีทั้งแบบใช้แก๊สและใช้ไฟฟ้า มีมาตรฐานการควบคุมที่ต้องใช้คือ การควบคุมอุณหภูมิภายในหม้อนึ่งต้องอยู่ที่ 121 ํ C ความดันประมาณ 15 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว นาน 15-20 นาที 











ที่มา   http://www.taradlab.com/product.detail_155367_th_2187430

เครื่องชั่งสารเคมี  ต้องใช้เครื่องชั่งที่มีความละเอียดมาก ไม่สามารถใช้เครื่องชั่งผลไม้ธรรมดาได้ เครื่องชั่งที่ใช้เป็นเครื่องชั่งดิจิตัล มีเครื่องชั่งแบบทศนิยม 2 ตำแหน่ง และ 4 ตำแหน่ง ที่ต้องใช้แบบนี้เพราะว่าต้องชั่งสารเคมีฮอร์โมนต่างๆที่ใช้ในการเตรียมอาหารแต่ละครั้งที่มีปริมาณน้อยที่น้อยมากๆ  แต่ก็มีบ้างเหมือนกันตรงที่ใช้ตาชั่งแบบแขนเดี่ยวและก็ประหยัด


ที่มา http://www.kttlab.com/subcategory.php?cid=22&sid=43




ที่มา http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet5/tbalance.html

เครื่องวัดค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (pH Meter) และบัฟเฟอร์ปรับค่ามาตรฐานของเครื่องวัด บางคนคิดว่าจะใช้กระดาษลิตมัสเอาก็พอแล้วถูกดีด้วย คำตอบคือไม่แนะนำให้ใช้ เนื่องจากค่าที่ได้เป็นช่วงกว้างเกินไป แนะนำ pH Meter ที่เป็นปากกา พกพาสะดวก อ่านค่าได้ดีในระดับหนึ่ง ต้องหมั่นตรวจสอบกับบัฟเฟอร์ค่ามาตรฐานบ่อยๆ ราคาก็ไม่แพงไปนัก ในบางครั้งเครื่องมือที่อ่านค่าได้ก็ใช่ว่าจะตรงกับความเป็นจริงเสมอไปจึงทำให้ต้องมีบัฟเฟอร์ที่เป็นค่ามาตรฐานแน่นอนเป็นตัวควบคุม การอ่านค่า pH ที่ผิดพลาดไปเพียงค่าเดียว เช่น เครื่องอ่านได้ 6.0 แต่ว่าความเป็นจริงแล้วมีค่าเท่ากับ 7.0 นั่นก็แสดงว่าค่าที่ได้ต่างจากค่าความเป็นจริงถึงสิบเท่า แต่ถ้าเครื่องอ่านได้ 6.0 แต่จริงๆ แล้ว 8.0 นั่นเท่ากับว่าคลาดเคลื่อนถึง 100 เท่าเลยนะครับ แต่แนะนำว่าซื้อเครื่องใหม่ได้เลยถ้าเครื่องคลาดเคลื่อนมากขนาดนี้

ที่มา http://www.merittech.co.th/

ตู้เย็น คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย ควรเป็นตู้เย็นที่มีช่องแช่แข็งกับช่องเย็นธรรมดาอยู่แยกกัน เพราะว่าประหยัด เป็นสัดส่วน ห้ามเอาตู้เย็นที่แช่กับข้าวมาแช่รวมกับสารเคมีหรือฮอร์โมนเพราะว่าอันตรายมาก สารควบคุมการเจริญเติบโตบางตัวเป็นสารพวกปราบวัชพืชด้วยซ้ำไปครับ

 ที่มา https://www.onlikeonline.com/
เตาแก๊ส หรือไมโครเวฟ ถ้าทำอาหารสังเคราะห์ปริมาณมากก็เตาแก๊สไปเลยดีกว่า สะดวก ไม่จำเป็นต้องใช้ไมโครเวฟอีก



ที่มา  http://www.buathongdirect.com/
ที่มา  http://www.lazada.co.th/shop-microwaves/








    เตาอบให้ความร้อน ให้เลือกชนิดที่เพิ่มความร้อนได้ตั้งแต่ต่ำๆ ไปจนสูงเกือบ 200 ใช้อบเครื่องแก้ว ภาชนะต่างๆ ถ้าจะอบให้แห้งก็ประมาณ 45-60 ถ้าจะอบฆ่าเชื้อเลยต้อง 180 นานประมาณ 3 ชั่วโมงก็ใช้ได้แล้ว 

ที่มา http://www.pornchaiinter.com/E_Lab_ST.html


    เครื่องคนหรือเครื่องกวนสาร  เครื่องมือชนิดนี้สำหรับคนขี้เกียจกวนสารเป็นเวลานานๆ ตัวเครื่องใช้หลักการจากความต่างของขั้วแม่เหล็ก

ที่มา  http://tanatit.tarad.com/product.detail_674489_en_4565330

ตู้ย้ายเนื้อเยื่อ หรือ Laminar air-flow cabinet เป็นตู้ที่คนคิดเค้าประดิษฐ์ขึ้นมาและไว้ใจได้ว่าอากาศที่อยู่ภายในตู้บริสุทธิ์ เพราะว่าเชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ตามอากาศทั่วไปจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เนื้อเยื่อของเราปนเปื้อนได้ (Contaminated) วิธีการของตู้นี้จะดูดเอาอากาศเข้าทางด้านบนหรือด้านหลังของเครื่องผ่านแผ่นกรองที่มีรูกรองขนาดเล็กดักจับจุลินทรีย์ไม่ให้ผ่านเข้ามา อากาศภายในเครื่องก็จะสะอาด แถมยังกันอีกชั้นหนึ่งด้วยการเป่าลมเข้าหาผู้ย้ายเนื้อเยื่อตลอดเวลาเพื่อป้องกัน จุลินทรีย์ที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าหรือล่องลอยอยู่ในอากาศเล็ดรอดเข้าตู้มาได้ ตู้แบบนี้จะติดหลอดไฟให้แสงยูวี (UV) ไว้ด้วย โดยก่อนใช้ต้องเปิดหลอดไฟนี้แล้วหาผ้าคลุมเอาไว้ นานอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง จะให้แน่ใจก็ชั่วโมงหนึ่งไปเลยเพื่อฆ่าเชื้อตามพื้นผิวของตู้ให้ได้มากที่สุดก่อนที่เราจะย้ายเนื้อเยื่อทุกครั้งนั่นเอง


ที่มา http://www.plantmediashop.com/store/webboard/view 
ชั้นวางล้อเลื่อน ไว้วางภาชนะต่างๆ เพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย

ที่มา  http://www.kuihengpattana.com/

   ชั้นวางขวดเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ สั่งทำหรือทำเองให้มี 4-5 ชั้น ไม่สูงจนเกินไปนักเพื่อสะดวกเวลาทำงาน ระยะห่างระหว่างชั้นประมาณ 1 ฟุต หรือมากกว่านั้นได้นิดหน่อย ติดหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ให้เรียบร้อย ถ้าความกว้างของชั้นกว้างมากหน่อยให้ติดหลอดไฟเป็น 2 แถว เพื่อความเข้มของแสงจะได้มากพอ ความเข้มแสงควรให้ได้ประมาณ 3000-4000 ลักซ์ (lux) วัสดุที่นำมาทำเป็นพื้นของแต่ละชั้นไม่ควรเป็นกระจก จริงอยู่ที่ทำให้แสงจากชั้นอื่นช่วยเพิ่มความเข้มแสง แต่ต้องไม่ลืมว่าความร้อนจากชั้นล่างจะทำให้ชั้นที่เหนือขึ้นไปร้อนและเป็นผลเสียต่อเนื้อเยื่อของเราเองได้ ควรใช้ไม้โฟเมก้าพื้นขาว มีฝุ่นนิดเดียวก็เห็นได้ชัดเจน ทำความสะอาดง่าย และไม่นำความร้อน






ที่มา  http://www.thaigoodview.com/library/contest2553/type2/science04/24/pages/index5cfa.html

   เครื่องเขย่า (Shaker) ถ้าเป็นอาหารสังเคราะห์ที่ใส่วุ้นให้แข็งเครื่องนี้ก็ไม่จำเป็น แต่อาหารเหลวเครื่องนี้ต้องมีประจำห้องไว้เลย เนื่องจากว่าชิ้นพืชที่เพาะเลี้ยงในอาหารเหลว วางไว้เฉยๆ จะจมและไม่ได้รับอากาศ การเขย่าหรือกวนให้อาหารมีการแลกเปลี่ยนอากาศเป็นสิ่งที่ต้องทำและจะทำให้เนื้อเยื่อเจริญได้ดีและเร็ว ใช้มอเตอร์รอบต่ำความเร็วประมาณ 140-150 รอบ/นาที 

ที่มา  http://www.scilution.net/Laboratory-Instruments/Mixer/Shaker/


ที่มาของเนื้อหา http://www.pla-o.com/